Page 10 - Binder1

Basic HTML Version

บทที่
1
บทนา
1.1
ความสาคั
ญของปั
ญหา
กระแสของสั
งคมโลกให้
ความสนใจต่
อสภาวะโลกร้
อน (Global Warming) และการเปลี่
ยนแปลง
สภาพภู
มิ
อากาศ (Climate Change) ทาให้
เมื่
อปี
พ.ศ. 2540 สหประชาชาติ
ได้
ร่
วมกั
นลงนามในพิ
ธี
สาร
เกี
ยวโต (Kyoto Protocol) ภายใต้
อนุ
สั
ญญาสหประชาชาติ
ว่
าด้
วยเรื่
องการเปลี่
ยนแปลงสภาพภู
มิ
อากาศ
(UNFCCC หรื
อ United Nations Framework Convention on Climate Change) จึ
งเป็
นข้
อผู
กพั
นทาง
กฎหมายที่
บั
งคั
บให้
ประเทศพั
ฒนาแล้
วต้
องดาเนิ
นการตามพั
นธกรณี
ในการลดการปล่
อยก๊
าซเรื
อนกระจกให้
ได้
เป็
นผลสาเร็
จ ประเทศสมาชิ
กได้
วางเป้
าหมายว่
าจะต้
องลดปริ
มาณการปล่
อยก๊
าซเรื
อนกระจกให้
ได้
ร้
อยละ 5.2 ภายในปี
2551-2555 โดยให้
ปี
2533 เป็
นปี
ฐานในการเปรี
ยบเที
ยบกั
บปริ
มาณก๊
าซเรื
อนกระจก
ที่
ปล่
อยออกมา ประเทศพั
ฒนาแล้
วส่
วนใหญ่
จึ
งพยายามดาเนิ
นกิ
จกรรมและคิ
ดค้
นผลิ
ตภั
ณฑ์
ที่
แสดงให้
เห็
ว่
ามี
ส่
วนช่
วยลดการปล่
อยก๊
าซเรื
อนกระจก จึ
งเป็
นที่
มาในการจั
ดทาฉลากคาร์
บอนฟุ
ตพริ้
นท์
(Carbon-
Footprint Label) คื
อฉลากแสดงปริ
มาณก๊
าซเรื
อนกระจกที่
ปล่
อยออกมาจากผลิ
ตภั
ณฑ์
และบริ
การทั้
กิ
จกรรมทางตรงและทางอ้
อมแต่
ละหน่
วย ตลอดวั
ฎจั
กรชี
วิ
ตของผลิ
ตภั
ณฑ์
ตั้
งแต่
การได้
มาซึ่
งวั
ตถุ
ดิ
การขนส่
ง การประกอบชิ้
นส่
วน การใช้
งาน และการจั
ดการซากผลิ
ตภั
ณฑ์
หลั
งใช้
งาน โดยคานวณออกมาใน
รู
ปของคาร์
บอนไดออกไซด์
เที
ยบเท่
า (CO
2
equivalent) ผ่
านทางฉลากที่
ติ
ดไว้
กั
บผลิ
ตภั
ณฑ์
บนบรรจุ
ภั
ณฑ์
เอกสารประชาสั
มพั
นธ์
หรื
อเว็
บไซต์
ต่
างๆ ของผลิ
ตภั
ณฑ์
ซึ่
งฉลากคาร์
บอนฟุ
ตพริ้
นท์
เกิ
ดขึ้
นครั้
งแรกเมื่
เดื
อนมี
นาคม 2550 ในประเทศอั
งกฤษ ต่
อมาได้
กลายเป็
นฉลากคาร์
บอนฟุ
ตพริ้
นท์
ที่
ได้
รั
บการยอมรั
บใน
ระดั
บสากล กระตุ้
นให้
ผู้
บริ
โภคภายในประเทศเปลี่
ยนมาใช้
ผลิ
ตภั
ณฑ์
ที่
แสดงฉลากคาร์
บอนฟุ
ตพริ้
นท์
และ
กลายเป็
นประเด็
นการกี
ดกั
นทางการค้
าที่
มิ
ใช่
ภาษี
ชนิ
ดใหม่
(Non-Tariff Barrier) รวมทั้
งเป็
นแรงกดดั
นให้
บริ
ษั
ทผู้
ผลิ
ตสิ
นค้
ามี
กระบวนการผลิ
ตที่
เป็
นมิ
ตรต่
อสิ่
งแวดล้
อม (Green Product) มากขึ้
ปั
จจุ
บั
นประเทศไทยได้
ลงนามความตกลงปารี
ส (Paris Agreement) ที่
ประชุ
ม COP21 เมื่
อวั
นที่
12 ธั
นวาคม 2558 โดยได้
รั
บรองข้
อตกลงตราสารกฎหมายที่
รั
บรั
บรองภายใต้
กรอบอนุ
สั
ญญา UNFCC เพื่
กาหนดกติ
การะหว่
างประเทศที่
มี
ความมุ่
งมั่
นมากยิ่
งขึ้
นสาหรั
บการมี
ส่
วนร่
วมของภาคี
ในการแก้
ไขปั
ญหาการ
เปลี่
ยนแปลงสภาพภู
มิ
อากาศในบริ
บทการพั
ฒนาที่
ยั่
งยื
นและความพยายามขจั
ดความยากจน โดยควบคุ
การเพิ่
มขึ้
นของอุ
ณหภู
มิ
เฉลี่
ยของโลกให้
ต่
ากว่
า 2 องศาเซลเซี
ยล เมื่
อเที
ยบกั
บยุ
คก่
อนอุ
ตสาหกรรมและมุ่
พยายามควบคุ
มการเพิ่
มขึ้
นของอุ
ณหภู
มิ
ไม่
ให้
เกิ
น 1.5 องศาเซลเซี
ยล เมื่
อเที
ยบกั
บยุ
คก่
อนอุ
ตสาหกรรม
และการเพิ่
มขี
ดความสามารถในการปรั
บตั
วต่
อผลกระทบจากการเปลี่
ยนแปลงสภาพภู
มิ
อากาศและการ
ส่
งเสริ
มการสร้
างภู
มิ
ต้
านทานและความสามารถในการฟื้
นตั
ว และการพั
ฒนาประเทศที่
ปล่
อยก๊
าซเรื
อน
กระจกต่
าโดยไม่
กระทบต่
อการผลิ
ตอาหาร ทาให้
เกิ
ดเงิ
นทุ
นหมุ
นเวี
ยนที่
มี
ความสอดคล้
องกั
บแนวทางที่
นาไปสู่
การพั
ฒนาที่
ปล่
อยกาซเรื
อนกระจกต่
ซึ่
งความตกลงปารี
สประกอบด้
วยองค์
ประกอบหลั
ก คื
อ การ
ดาเนิ
นงานด้
านการลดก๊
าซเรื
อนกระจก (Mitigation) การปรั
บตั
วต่
อผลกระทบจากการเปลี่
ยนแปลงสภาพ
ภู
มิ
อากาศ (Adaptation) การรั
บมื
อกั
บความสู
ญเสี
ยและความเสี
ยหาย (Loss and damage) และการ
ยกระดั
บการให้
การสนั
บสนุ
นด้
านการเงิ
น การพั
ฒนาและถ่
ายทอดเทคโนโลยี
และการเสริ
มสร้
างศั
กยภาพ
(Means of Implementation: Finance, Technology development and transfer, and capacity-
building) พร้
อมทั้
งวางกรอบเพื่
อรั
บรองความโปร่
งใสของการดาเนิ
นงานและการสนั
บสนุ
น (Transparency