Page 26 - Binder1

Basic HTML Version

บทที่
3
สภาพทั่
วไป
3.1 ข้
อมู
ลการผลิ
ตทุ
เรี
ยน
ทุ
เรี
ยน
เป็
นไม๎
ผลยื
นต๎
นขนาดใหญํ
สามารถเจริ
ญเติ
บโตและให๎
ผลผลิ
ตได๎
ดี
ในเขตที่
มี
สภาพอากาศ
ร๎
อนชื้
น อุ
ณหภู
มิ
ที่
เหมาะสม ประมาณ 10 ถึ
ง 46 องศาเซลเซี
ยล มี
จํ
านวนปริ
มาณน้ํ
าฝนไมํ
น๎
อยกวํ
า 2,000
มิ
ลลิ
เมตรตํ
อปี
มี
การกระจายตั
วของฝนดี
ความชื้
นสั
มพั
ทธ์
ของอากาศสู
งประมาณ 75 ถึ
ง 85 เปอร์
เซ็
นต์
ดิ
นมี
คํ
าความเป็
นกรดเป็
นดํ
าง (pH) ประมาณ 5.5 ถึ
ง 6.5
ควรเป็
นดิ
นรํ
วน ดิ
นรํ
วนปนทราย ดิ
นเหนี
ยวปน
ทรายที่
มี
การระบายน้ํ
าได๎
ดี
และมี
หน๎
าดิ
นลึ
ก เพราะทุ
เรี
ยนเป็
นพื
ชที่
อํ
อนแอตํ
อสภาพน้ํ
าขั
ง และความเป็
กรดดํ
างของดิ
นอยูํ
ระหวํ
าง 5.5 ถึ
ง 6.5 หากจํ
าเป็
นต๎
องปลู
กทุ
เรี
ยนในสภาพดิ
นทราย จํ
าเป็
นจะต๎
องนํ
าหน๎
ดิ
นจากแหลํ
งอื่
นมาเสริ
ม ต๎
องใสํ
ปุ๋
ยคอกรวมถึ
งต๎
องมี
การดู
แลเรื่
องการให๎
น้ํ
ามากเป็
นพิ
เศษ ต๎
องมี
แหลํ
งน้ํ
าจื
ให๎
ต๎
นทุ
เรี
ยนได๎
เพี
ยงพอตลอดทั้
งปี
หากปลู
กในพื้
นที่
ที่
มี
อากาศแห๎
งแล๎
ง พื้
นที่
ที่
มี
อากาศร๎
อนจั
ดเย็
นจั
ด และ
มี
ลมแรง จะพบปั
ญหาใบไหม๎
หรื
อใบรํ
วง ทํ
าให๎
ต๎
นทุ
เรี
ยนไมํ
เจริ
ญเติ
บโตหรื
อเติ
บโตช๎
าให๎
ผลผลิ
ตช๎
าและน๎
อย
ไมํ
คุ๎
มตํ
อการลงทุ
น (กรมวิ
ชาการเกษตร อ๎
างในสํ
านั
กงานพั
ฒนาการวิ
จั
ยการเกษตร, 2558)
ทุ
เรี
ยนพั
นธุ์
หมอนทอง
มี
ลั
กษณะประจํ
าพั
นธุ์
ทรงพุํ
มรู
ปฉั
ตรโปรํ
ง กิ่
งแขนงหํ
าง ใบรู
ปทรงยาว
เรี
ยว ปลายเรี
ยวแหลม ดอกเป็
นดอกสมบู
รณ์
เพศ สี
ขาวอมเหลื
อง ชํ
อดอกประกอบด๎
วยดอกยํ
อย 3-30 ดอก
กลี
บดอกมี
5 กลี
บ ผลรู
ปรํ
างยาว ไหลํ
ผลกว๎
าง ก๎
านผลแหลมแบํ
งเป็
นพู
เห็
นชั
ดเจน เปลื
อกคํ
อนข๎
างบาง
หนามรู
ปทรงพี
รามิ
ด ฐานเป็
นเหลี่
ยมปลายเรี
ยวแหลม เนื้
อผลหนาสี
เหลื
องอํ
อน ละเอี
ยด เหนี
ยว เส๎
นใย
น๎
อย รสชาติ
ดี
หวานมั
น การสุ
กของเนื้
อในผลสม่ํ
าเสมอ น้ํ
าหนั
กผลเฉลี่
ย 4 กิ
โลกรั
ม ผลผลิ
ต 120-180 ผล/
ต๎
น/ปี
อายุ
เก็
บเกี่
ยว 140 วั
นหลั
งดอกบาน
ลั
กษณะเดํ
นคื
เนื้
อหนา เมล็
ดลี
บ กลิ่
นไมํ
แรง ติ
ดผลดี
ผลสุ
กเก็
บได๎
นานกวํ
าพั
นธุ์
อื่
น (เมื่
อสุ
กงอม
เนื้
อไมํ
แฉะ) ไมํ
คํ
อยพบอาการแกน เตํ
าเผาหรื
อไส๎
ซึ
ม คุ
ณภาพเนื้
อเหมาะสํ
าหรั
บการแปรรู
ปในรู
ปแบบของ
การแชํ
แข็
ง กวน และทอดกรอบ ลั
กษณะด๎
อย
ไมํ
ทนทานตํ
อรากเนํ
า โคนเนํ
า เนื้
อหยาบ สี
เนื้
อเหลื
องอํ
อน
(ไมํ
เข๎
ม) มั
กพบการสุ
กไมํ
สม่ํ
าเสมอ อาจสุ
กทั้
งผล สุ
กบางพู
หรื
อสุ
กบางสํ
วนในพู
เดี
ยวกั
การผลิ
ตทุ
เรี
ยนให๎
มี
คุ
ณภาพมี
หลั
กการบริ
หารจั
ดการที่
ดี
และเหมาะสม ดั
งนี้
3.1.1 การเตรี
ยมพื้
นที่
และการปลู
1) การเตรี
ยมพื้
นที่
ต๎
องปรั
บพื้
นที่
กํ
อนที่
จะกํ
าหนดผั
งปลู
กและติ
ดตั้
งระบบน้ํ
า โดยปรั
พื้
นที่
ให๎
ราบไมํ
ให๎
มี
แอํ
งที่
น้ํ
าทํ
วมขั
งได๎
และถ๎
าเป็
นไปได๎
ควรปรั
บเป็
นเนิ
นลู
กฟู
กเพื่
อปลู
กทุ
เรี
ยนบนสั
นเนิ
ระยะหํ
างระหวํ
างต๎
นและระหวํ
างแถวด๎
านละ 9 เมตร ปลู
กได๎
ไรํ
ละ 20 ต๎
น หรื
อ 8 ถึ
ง 10 X 8 ถึ
ง10 เมตร
ปลู
กทุ
เรี
ยนได๎
ประมาณ 16 ถึ
ง 25 ต๎
นตํ
อไรํ
และการทํ
าสวนขนาดใหญํ
ควรขยายระยะระหวํ
างแถวให๎
กว๎
าง
ขึ้
นเพื่
อสะดวกตํ
อการนํ
าเครื่
องจั
กรกลตํ
าง ๆ ไปทํ
างานในระหวํ
างแถว นอกจากนี้
ในการวางแนวกํ
าหนด
แถวปลู
กต๎
องคํ
านึ
งถึ
งแนวปลู
กขวางความลาดเทของพื้
นที่
หรื
ออาจกํ
าหนดในแนวตั้
งฉากกั
บถนน หรื
กํ
าหนดแถวปลู
กไปในแนวทิ
ศตะวั
นออกหรื
อทิ
ศตะวั
นตก และถ๎
ามี
การจั
ดวางระบบน้ํ
าจะต๎
องพิ
จารณา
แนวทางจั
ดวางทํ
อในสวนด๎
วย จากนั้
นจึ
งปั
กไม๎
ตามระยะที่
กํ
าหนดเพื่
อขุ
ดหลุ
มปลู
กตํ
อไป
2) วิ
ธี
การปลู
การปลู
กทุ
เรี
ยนสามารถทํ
าได๎
ทั้
งการขุ
ดหลุ
มปลู
ก ซึ่
งเหมาะกั
บพื้
นที่
ที่
คํ
อนข๎
างแล๎
งและยั
งไมํ
มี
การวางระบบน้ํ
าไว๎
กํ
อนปลู
ก ซึ่
งวิ
ธี
นี้
ดิ
นในหลุ
มจะชํ
วยเก็
บความชื้
นได๎
ดี
ขึ้
น แตํ
หาก
มี
ฝนตกชุ
ก มี
น้ํ
าขั
งจะทํ
าให๎
รากเนํ
าและต๎
นทุ
เรี
ยนตายได๎
งํ
าย สํ
วนการปลู
กโดยไมํ
ต๎
องขุ
ดหลุ
ม (ปลู
กแบบ