สศท.6 ชี้แนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดผลไม้อินทรีย์ไทยมีโอกาสขยายตลาดสูง

สศท.6 ชี้แนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดผลไม้อินทรีย์ไทยมีโอกาสขยายตลาดสูง
 
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1-12 ได้ร่วมบูรณาการจัดทำแนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ 6 กลุ่มชนิดสินค้าสำคัญที่มีปริมาณการผลิตอย่างแพร่หลายในพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ ข้าว ถั่วเหลือง พืชผัก ผลไม้ ปศุสัตว์ และประมง
นายสุชัย  กิตตินันทะศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี (สศท.6) เปิดเผยว่า สศท.1-12 ได้ร่วมบูรณาการสำรวจข้อมูลสภาพการตลาด รวมทั้งทัศนคติและความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์จัดทำแนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ซึ่ง สศท.6 รับผิดชอบหลักในกลุ่มสินค้าผลไม้อินทรีย์ที่มีศักยภาพในการผลิตสูง ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง เป็นต้น
ผลการศึกษาสถานการณ์ด้านการผลิตสินค้าผลไม้อินทรีย์ในปัจจุบันพบว่า สินค้าผลไม้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอินทรีย์ยังมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มชนิดสินค้าเกษตรอื่น ๆ เช่น สินค้าข้าวอินทรีย์ และผักอินทรีย์ โดยผลผลิตส่วนใหญ่ ผ่านการรับรองมาตรฐานแล้วร้อยละ 91.50 และผลผลิตที่ยังอยู่ในระยะปรับเปลี่ยนภายใต้การรับรองมาตรฐานอินทรีย์ Organic Thailand  มีเพียงร้อยละ 8.50 เท่านั้น สำหรับวิถีตลาดสินค้าผลไม้อินทรีย์ในภาพรวมพบว่า ผลผลิตส่วนใหญ่ จะส่งไปจำหน่ายที่ตลาดระบบสมาชิก (วิสาหกิจชุมชนเพื่อสุขภาพบ้านปัถวี) ร้อยละ 21.68 จำหน่ายที่ตลาดส่งออก ร้อยละ 20.79 จำหน่ายที่ตลาดค้าส่งในพื้นที่ ร้อยละ 20.15 จำหน่ายที่ ตลาด Modern Trade ร้อยละ 9.26 จำหน่ายที่ตลาดนัด และตลาดสด (ตลาดประชารัฐ/ตลาดเกษตรกร และตลาดสีเขียว) ร้อยละ 8.33 จำหน่ายที่ตลาดเฉพาะ (ร้าน Lemon Farm ตลาดในโรงพยาบาล และงานแสดงสินค้า) ร้อยละ 6.35 จำหน่ายที่ตลาดออนไลน์ ร้อยละ 4.75 สุดท้ายส่งไปจำหน่ายที่ตลาดอื่น ๆ (ตลาดนักท่องเที่ยว โรงงานแปรรูป และขายปลีกที่สวนตนเอง)
อีกร้อยละ 8.69 ในด้านรูปแบบการขายสินค้าส่วนใหญ่เกษตรกรจะจำหน่ายสินค้าด้วยตนเอง และได้รับเงินทันทีหลังจำหน่ายผลผลิต ส่วนการจำหน่ายให้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชุน และพ่อค้าผู้รวบรวม เกษตรกรจะได้รับเงินหลังจำหน่ายสินค้า 3-7 วัน
นายสุชัย  กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดสำหรับสินค้าผลไม้อินทรีย์ 4 แนวทาง ได้แก่ 1) ส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มตลาด โดยขยายการผลิตในพื้นที่เหมาะสม ส่งเสริมการตลาดแนวใหม่ จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในทุกจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญ ส่งเสริมการต่อยอดธุรกิจผลไม้อินทรีย์ เชื่อมโยงแหล่งจำหน่ายผลไม้อินทรีย์กับเส้นทางท่องเที่ยว สนับสนุนการตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร (มกษ.) หรือที่รู้จักในเครื่องหมาย Organic Thailand และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee System: PGS)  2) สร้างผู้ประกอบการธุรกิจผลไม้อินทรีย์รุ่นใหม่เน้นทำธุรกิจแปรรูป 3) สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและกระตุ้นความต้องการสินค้าผลไม้อินทรีย์ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบผลิตอินทรีย์ และ
4) ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาสินค้าผลไม้อินทรีย์ เพื่อช่วยยืดอายุและเพิ่มมูลค่าของสินค้า โดยปัจจุบันปริมาณผลผลิตสินค้าผลไม้อินทรีย์ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดซึ่งมีโอกาสขยายตัวสูง เนื่องจากการตื่นตัวเรื่องกระแส
รักสุขภาพของผู้บริโภคทั่วโลก ผู้บริโภคเริ่มใส่ใจเรื่องการบริโภคเพื่อประโยชน์ต่อร่างกายและปลอดภัยจากสารพิษสะสม ส่งผลให้ผลไม้อินทรีย์ได้รับการยอมรับและมีความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ และ
มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น
 


บราวเซอร์ที่รองรับ Chrome (แนะนำ) | Firefox | Exploer 9+ | Safari